วันเสาร์ที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2558

ลักษณะเด่นของชบา

    ลักษณะเด่นของพืชชนิดนี้  มีเส้นใยและยางเมือก(mucilagnous)อยู่ในเนื้อไม้โดยทั่วไปเป็นไม้พุ่มขนาดกลาง ใบเป็นใบเดียวเรียงสลับมีรูปร่างหลายแบบ เช่น รูปไข่ รูปกลม รูปรีหรือเว้าแฉก 3-5แฉกมีกลีบดอก5กลีบแต่ละดอกจะเชื่อมติดกันเป็นวงที่ฐานดอกเกสรเพศผู้ประกอบด้วยอับเรณูสีเหลืองรูปไตและก้านชูอับเรณูสีขาวหรือสีเดียวกันเกสรเพศเมียอยู่ปลายหลอดเกสรเพศเพศผู้มักมีก้านเล็กๆแยกหยอดเกสรเพศเมียเป็น5ยอกตามจำนวนห้องรังไข่ส่วนยอดมีน้ำหวานสำหรับจับละอองเรณู

ประเภทของดอกชบา

  ประเภทของดอกชบาสามารถแบ่งได้ 3 ลักาณะ
1.ดอกบานเป็นรูปถ้วย

2.ดอกบานเป็นรูปแผ่แบน

3.กลีบดอกบานแบบแผ่โค้ง


ประโยชน์ของดอกชบา

   เนื่องจากชบาเข้ามาอยู่กับคนไทยหลายร้อยปีแล้ว คนไทยจึงรู้จักนำเอามาใช้เป็นยาสมุนไพรอย่างหนึ่ง ในพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน บรรยายว่า..ดอกมีสีต่างๆ พันธุ์ที่  สีแดง ดอกและยอดใช้ทำยาได้
ตำราประมวลสรรพคุณยาไทย และสรรพคุณสมุนไพร กล่าวถึงเฉพาะการใช้รากชบากำหนดให้ใช้พันธุ์ดอกขาวหรือแดง ให้ใช้รากสดๆ ตำให้ละเอียดใช้พอกฝี แก้ฟกบวม ถอนพิษร้อน หากนำไปต้มดื่มช่วยขับน้ำย่อย ทำให้อาหารมีรสชาติดีขึ้น
ดอกชบาสามารถนำมาเป็นสีย้อมได้ ให้สีดำ ในอดีตเคยใช้ย้อมผม ย้อมขนตา และทารองเท้า จึงได้ชื่อว่าดอกรองเท้า (หรือ shoe flower ในภาษาอังกฤษ) นอกจากนี้ เปลือกยังทำเชือกหรือทอกระสอบได้ เช่นเดียวกับปอแก้ว ซึ่งเป็นพืชที่อยู่ในวงศ์และสกุลเดียวกัน
ต้นชบามีความแข็งแรงทนทาน ปลูกง่าย ตายยาก จึงนิยมปลูกเป็นแนวรั้ว เพราะเพียงแต่ตัดลำต้นหรือกิ่งแก่ๆ เป็นท่อนๆ แล้วปักเฉียงๆ ลง ในดิน รดน้ำพอชุ่มก็พอแล้ว ไม่ต้องทำร่มเงาหรือเพาะชำในโรงเรือนให้ยุ่งยาก ตามโรงเรียนในชนบทมักนิยมใช้ชบาหรือพู่ระหงเป็นแนวรั้ว นักเรียนบ้านนอกในอดีตจึงรู้จักชบาเป็นอย่างดี เพราะส่วนใหญ่เคยปลูกชบากันมาแล้ว
ตามบ้านเรือนของคนไทยในอดีต มักจะปลูกชบาเอาไว้ดูดอก เพราะ ปลูกง่าย ดอกดกตลอดปี ปัจจุบันตาม ชนบทยังพบชบาพันธุ์เก่าๆ อยู่บ้าง ส่วนใหญ่เป็นพันธุ์ดอกซ้อนสีแดงและสีชมพู สำหรับพันธุ์ใหม่ๆ ที่นิยม ในปัจจุบันเป็นพันธุ์ที่ผสมขึ้นจากต่าง ประเทศ มักนิยมชนิดกลีบดอกชั้นเดียว เน้นที่กลีบดอกขนาดใหญ่ สีสัน สดใสมากมาย ออกดอกง่ายตลอดปี นอกจากนี้ยังมีชบาพันธุ์ใบด่าง ที่มีใบสีเขียวด่างขาว ใช้ปลูกประดับ ได้ดี
ดอกชบาเหมาะสำหรับร้อยเป็นพวงมาลัย เพราะดอกโตและสีสดใส หากไม่ยึดติดกฎหมายในอดีต (ที่ยกเลิกไปนานแล้ว) ชบาก็เป็นดอกไม้ที่ทัดหูได้งดงามที่สุดชนิดหนึ่ง

 ชบากลีบซ้อน

ชื่อไทย ชบากลีบซ้อนชื่อพฤกษศาสตร์ : Hibiscus rosa-sinensis L.
วงศ์ : MALVACEAE
ชบาเป็นไม้พุ่มขนาดกลาง ทรงพุ่มกว้าง สูงได้ถึง 4 เมตรใบ เดี่ยว ออกสลับ รูปไข่ กว้างประมาณ 4 ซม. ยาว 4- 9 ซม.โคนสอบหรือมน ปลายเรียวแหลม ขอบจักดอก สีแดง กลางดอกสีแดงเข้ม ออกเดี่ยวตามซอกใบใกล้ปลายกิ่ง มีริ้วประดับที่โคนดอก 5-8 แฉก โคนเชื่อมกันเป็นรูประฆัง ปลายแยกเป็น 5 แฉก กลีบดอก 5 กลีบรูปไข่กลับ เกสรเพศผู้จำนวนมาก ก้านเกสรเชื่อมกันเป็นหลอด ยาวประมาณ 9 ซม. ล้อมรอบเกสรเพศเมีย ชบาพันธุ์ลูกผสม มีสีแดง ชมพู ขาว เหลือง ส้ม กลีบดอกชั้นเดียวหรือซ้อนกันหลายชั้น มีทั้งดอกขนาดใหญ่และขนาดเล็ก ออกดอกตลอดปีการขยายพันธุ์ ปักชำกิ่ง ตอนกิ่ง เสียบกิ่งประโยชน์ เป็นไม้ประดับ รากสดตำพอกฝี รับประทานช่วยให้เจริญอาหาร ดอกสดใช้ขัดรองเท้าให้มันถิ่นกำเนิด ปลูกทั่วไปในเขตร้อน ขึ้นง่าย โตเร็ว** ชบาในบ้านเรารู้จักกันมานานแล้ว จะเห็นได้จากบ้านคนสมัยก่อนจะมีชบายอยู่แทบทุกบ้านปัจจุบันชบาได้รับการผสมพันธุ์เพื่อให้ได้พันธุ์ใหม่่ออกมามากมาย ซึ่งล้วนแต่สวยงาม ทั้งนั้น ทำให้ได้ดอกของชบาที่มีรูปร่างสวยงามสีสันของดอกสดใส ขบานั้นจัดเป็นไม้พุ่ม ความสูงโดยทั่วไปประมาณ 2.50 เมตร ใบมีสีเขียวเข้ม มนรี ปลายใบแหลม แต่ปัจจุบันก็ยังมีพันธุ์ แตกต่างออกไปอีกมากมาย

การดูแลรักษาชบากลีบซ้อน

แสง ชอบแสงแดดมาก
น้ำ ต้องการน้ำพอประมาณ
ดิน เป็นไม้ที่ปลูกได้ง่ายสามารถเจริญเติบโตได้ในดินแทบทุกชนิด แต่ไม่ควรให้ดินเปียกหรือแฉะเกินไป
ปุ๋ย ใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก
โรคและแมลง ไม่ค่อยมีโรค จะมีก็แต่เพลี้ยที่คอยรบกวน
การป้องกันกำจัด ฉีดพ่นด้วยยามาลาไธออนหรือไดอาซินอน ตามคำแนะนำที่ระบุไว้ใน
อ้างอิง
https://ramooo199.wordpress.com/category/การปลูกดอกชบา/ชบากลีบซ้อน

Gallery ดอกชบา

วงศ์                        Malyaceae
ชื่อวิทยาศาสตร์   Hibiscus rosa-sinensis L.
ชื่อไทย                 ชบา
ชื่อท้องถิ่น          -ดอกผ้า(ไทใหญ่)ดอกใหม่ -ใหม่แดง ,ใหม่(เหนือ),ชุมบา, ชบาขาว,ชุม                  มา(ปัตตานี),บา,ชะมา(ใต้)
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์  ต้นเป็นพรรณไม้พุ่มขนาดย่อม อยู่ในจำพวกพู่ระหง ลำต้นนั้นมีความสูงประมาณ 6-7 ฟุตหรืออาจสูงได้ถึง12ฟุต เป็นพรรณไม้เนื้ออ่อนส่วนเปลือกนั้นจะเหนียวมากใบเป็นใบเดียวสีเขียว ใบโตและฐานใบกว้างลักษณะรูปใบมน ตรงปลายใบจะแหลมริมใบจะเป็นจักใหญ่คล้ายกับฟันเลืื่อย เมื่อเราเด็ดมาขยี้จะมีเมือกเหนียวๆใบมีความยาวประมาณ6 ซม. และกว้างประมาณ5-7ซม.ดอกจะออกเดี่ยวๆอยู่ระห่างใบและมีกลีบดอกอยู่ 5 กลีบดอกนั้นจะมีอยู่หลายสีคือ แดง ขาว และเหลืองตรงปลายดอกจะมนและกลมเกสร ก้านเกสรยาวและยื่นออกมาพ้นจากกลางดอกจะมีเกสรตัวผู้เป็นสีเหลืองเกาะอยู่หน่าแนนบนท่อเกสรส่วนเกสรตัวเมียนั้นจะอยู่ปลายสุดของก้านดอก
ใบ   ใบเป็นใบเดี่ยวสีเขียวใบโตและฐานใบกว้างลักษณะรูปใบมนตรงปลายใบจะแหลมริมใบจะเป็นจักใหญ่คล้ายกับฟันเลืื่อย เมื่อเราเด็ดมาขยี้จะมีเมือกเหนียวๆใบมีความยาวประมาณ6 ซม. และกว้างประมาณ5-7ซม
ดอก   ดอกจะออกเดี่ยวๆอยู่ระห่างใบและมีกลีบดอกอยู่ 5 กลีบดอกนั้นจะมีอยู่หลายสีคือ แดง ขาว และเหลืองตรงปลายดอกจะมนและกลมเกสร ก้านเกสรยาวและยื่นออกมาพ้นจากกลางดอกจะมีเกสรตัวผู้เป็นสีเหลืองเกาะอยู่หน่าแนนบนท่อเกสรส่วนเกสรตัวเมียนั้นจะอยู่ปลายสุดของก้านดอก

การดูแลรักษา

แสง  ชอบแสงแดดมาก

น้ำ   ต้องการน้ำพอประมาณ

ดิน   เป็นไม้ที่ปลูกได้ง่ายสามารถเจริญเติบโตได้ในดินแถบทุกชนิดแต่ไม่ควรให้ดินเปียกหรือแฉะเกินไป
ปุ่ย   ใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก
การขยายพันธ์   ตอนปักชำ
โรคและแมลง   ไม่ค่อยมีโรคจะมีก็แต่เพลี้ยที่รบกวนอยู่
การป้องกันกำจัด   ฉีดพ่นด้วยยามาลาไธออนหรือไดอาซินอน ตามคำแนะนำที่ระบุไว้ในฉลาก

ประวัติชบาฤดูร้อน      

 ชบาพืชที่พบได้ทั่วไปในส่วนต่างๆของโลกมีถิ่นกำเนิดเป็นบริเวณกว้างใขเขตร้อนชื่นจากสมมุติฐานของRoss GastในหนังสือGenetic History of Hibibiscus rosasinensis บันทึกว่า ชบามีการกระจายพันธุ์เริ่มจากอินเดียซึ่งมีการนำชบามาใช้ประโยชน์ในชาวโพลินนีเซียนต่อมาจึงแพรหลายไปสู่จีนและบริเวณหมู่เกาะแปซิฟิกโดยนำชบาดอกสีแดง(ปัจจุบันคือHibisกลุ่มcusrosasinensis)ที่เรียกกันว่ากุหลาบจีนหรือ”Rose of China”ซึ่งมีทั้งกลีบดอกชั้นเดียวและดอกซ้อนมาใช้เป็นไม้ดอกไม้ประดับมีการสะสมพันธุ์และส่งไปประเทศในแถบยุโรปชบาแพร่เข้าสู่ยุโรปครั้งแรกเมื่อปีพ.ศ.2221โดยVan Reedซึ่งเป็นชบาสีแดงกลีบดอกซ้อนต่อมาในปี พ.ศ.2275 Philip Miller และคณะได้นำชบาพันธุ์ดอกซ้อนและพันธุ์อื่นๆเข้าไปเผยแพร่ในอังกฤษโดยนำมาปลูกสะสมพันธุ์ที่ The Chelsea Physic Garden และทดลองผลิตลูกผสม แต่ยังไม่แพร่หลายนักซึ่งในขณะนั้นใช้ชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Hibiscus javanica เพราะเข้าใจว่าชบาที่นำเข้ามาเป็นพืชพื้นเมืองของเกาะชวา(Java)ของอินโดนีเซียต่อมากัปตันคุกและคณะได้เดินเรือสำรวจหมู่เกาะในแถบมหาสมุทรแปซิฟิกไปพบชบากลีบดอกซ้อนสีแดงปลูกอยู่ทั่วไป

สรรพคุณของดอกชบา

ต้นชบามีส่วนช่วยบำรุงผิวพรรณช่วยบำรุงจิตใจให้สดชื่นแจ่มใส
สรรพคุณดอกชบาช่วยฟอกโลหิต
สรรพคุณของชบาช่วยรักษาและบรรเทาอาการของโรคที่เกี่ยวกับไต
สรรพคุณของดอกชบาช่วยดับร้อนในร่างกาย แก้กระหาย และช่วยแก้ไข้ ด้วยการใช้ดอกชบา 4 ใบนำมาแช่ในน้ำต้มสุก 2 แก้วแล้วดื่มตางน้ำ (ดอก)
ช่วยเรียกน้ำย่อย ทำให้อาการมีรสชาติดีขึ้น ด้วยการใช้รากชบาน้ำไปต้มกับน้ำดื่ม
ช่วยแก้ประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ มีระดูขาว ด้วยการใช้ดอกชบาสดประมาณ 4 ดอกนำมาตำให้ละเอียด แล้วกินตอนท้องว่างในช่วงเช้า ติดต่อกันประมาณ 1 สัปดาห์ หรือจะนำดอกชบามาตากให้แห้งในที่ร่ม แล้วนำมาบดเป็นผงกินครั้งละ 1 ช้อนชาติดต่อกัน 1 สัปดาห์ (ดอก)
สรรพคุณชบาช่วยแก้ประจำเดือนไม่มา หรือมาช้า ด้วยการใช้ดอกชบา 3 ดอกนำมาบดให้ละเอียด แล้วผสมกับน้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ (หรือจะผสมกับนม 1 แก้วก็ได้) แล้วนำมาดื่มตอนท้องว่างในช่วงเช้า จะช่วยปรับเรื่องประจำได้ (ดอก)
ดอกชบาสรรพคุณ ดอกชบาใช้ปรุงเป็นยาบำรุงประจำเดือน ด้วยการใช้กลีบดอกชบาผสมกับน้ำตาลอ้อยหรือน้ำตาลปี๊ป อย่างละเท่า ๆกันใส่ลงไปในโถแก้วมีฝาปิด แล้วเอาโถแก้วไปตากแดดทิ้งไว้ประมาณ 3 สัปดาห์ น้ำตาลก็จะละลายผสมกับดอกชบา แล้วยำมากินครั้งละ 2 ช้อนชา วันละสองครั้งติดต่อกันประมาณ 3 สัปดาห์ (ดอก)
ใบชบาสามารถช่วยรักษาแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวกได้ ด้วยการใช้ใบชบาหรือฐานของดอกชบาก็ได้ นำมาตำให้แหลก แล้วนำมาพอกบนิเวณที่ถูกเป็นแผล ก็จะช่วยรักษาแผลได้(ใบ)เปลือกต้นชบาสามารถใช้รักษาโรคผิวหนังที่เกิดจากเชื้อราได้ (เปลือก)

รากสด ๆของชบาพันธุ์ดอกขาวหรือแดง นำมาตำละเอียดใช้พอกฝีได้ (ราก)
ช่วยแก้อาการฟกช้ำบวม ด้วยการใช้รากสดของชบาพันธุ์ดอกขาวหรือแดงนำมาตำให้ละเอียดใช้พอกแก้อาการฟกช้ำ (ราก)
ใบชบาช่วยบำรุงผมให้ดกดำเงางาม ด้วยการใช้ใบชบาประมาณ 1 กำมือล้างให้สะอาด แล้วนำมาตำให้แหลก เติมน้ำเล็กน้อย ให้คั้นเอาแต่น้ำ แล้วกรองกากทิ้ง หลังจากนั้นให้ใช้น้ำเมือกจากใบชบามาใช้สระผม จะช่วยชำระล้างสิ่งสกปรกและช่วยบำรุงผมด้วย (ใบ)
ประวัติดอกชบาประโยชน์ดอกชบา สามารถนำมาใช้ทำเป็นสีย้อมผ้าได้โดยจะให้สีดำ เพราะในอดีตมีการนำมาใช้ย้อมผม ย้อมขนตา หรือนำไปทารองเท้า(จึงเป็นที่มา ของ Shoe Flower หรือดอกรองเท้านั่นเอง)(ดอก)
ประโยชน์ของชบา เปลือกของต้นชบาสามารถนำมาใช้ทำเป็นเชือก หรือใช้ทอกระสอบได้อีกด้วย (เปลือก)
ต้นชบานิยมปลูกไว้เป็นแนวรั้ว เพื่อชมดอก เพราะนอกจากจะให้ความสวยงามแล้วยังปลูกง่าย แข็งแรงและตายยากอีกด้วย(ต้นชบา)ประโยชน์ของชบา เหมาะอย่างมากสำหรับนำมาร้อยเป็นพวงมาลัย เพราะมีสีสดใสและดอกโต (หากไม่ยึดติดกับอคติในอดีต) เป็นดอกไม้ที่ทัดหูที่งดงามอีกชนิดหนึ่งเลยล่ะครับ

อ้างอิง
https://thiwarad.wordpress.com/about/ดอกชบา